มีครั้งนึงผมได้เดินทางไป ญี่ปุ่น แต่ไปจับโปรตั๋วเครื่องบินมาราคา 7พันกว่าบาท แต่เป็น full service เงื่อนไขคือเราต้องไปต่อเครื่องที่เวียดนาม สำหรับคนปกติก็คงอยากจะต่อเครื่องแบบรอไม่นาน แต่ผมคิดว่าไหน ๆ ก็จะผ่านเมืองเขาแล้วก็แวะไปเที่ยวซะหน่อย เลยเลือกที่มันต่อเครื่องนาน ๆ หน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับค้างคืน และผมก็ต่อเครื่องที่ ฮานอย ประเทศเวียดนาม
ลงเครื่องที่เวียดนามก็ราว ๆ บ่าย 2 เราสามารถออกไปข้างนอกโดยที่กระเป๋าของเราก็จะไปถึงที่ญี่ปุ่นพร้อมกับเรานะครับ ไม่ต้องแบกออกมานอกสนามบิน เพียงแต่เราแค่ออกมาด่านตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้นเอง ผมมีเวลาเที่ยวที่นี่ประมาณ 6-8 ชั่วโมง จึงเลือกการเข้าเมืองด้วยรถตู้ ซึ่งจะมีจอดรับที่หน้าสนามบิน ราคาก็ประมาณ 2-4$ แต่ถ้านั่งรถเมล์ด่วนสาย 68 ก็ 30,000 ดง ราว ๆ 50 บาท มีรถหวานเย็นด้วยนะ 3,000 – 9,000 ดงนี่แหละผมจำไม่ได้ แต่ว่าจากที่ผมเคยนั่งมามันช้าาาาามาก แล้วอ้อมด้วย ถ้าเวลาไม่เหลือเฟือเลือกทางแบบเร็ว ๆ จะดีกว่า แต่ถ้าต่อนยอนก็จัดไป รถเมล์หวานเย็น
ผมเคยมาเมื่อหลายปีก่อน บ้านเมืองเขาก็ดูพัฒนาขึ้นนะ มีตึกสูงมากขึ้น มีการจัดสภาพแวดล้อมถนนหนทางดีขึ้นสำหรับรอบ ๆ เหมืองเก่านะ ส่วนในเมืองเก่าก็เหมือนเดิม
ถ่ายจากในรถตู้ก็เลยเบลอหน่อย สภาพในเมืองเก่าทำให้นึกถึงย่านวงเวียนใหญ่ของเราสมัยก่อน แต่ความฮาก็บังเกิดเพราะว่าตอนออกจากสนามบินมาลืมหยิบแผนที่มา และผมก็ไม่ได้ซื้อซิมโทรศํพท์มา แล้วข้อมูลที่เตรียมมาลืมไปว่าอยู่ในกระเป๋าที่โหลดต่เครื่อง ความบันเทิงก็เกิดขึ้นคือ จำไม่ได้ว่าลงรถตรงไหน แล้วปัญหาต่อมาดันไปจำว่ามันคือทะเลสาบคืนดาบ แล้วจะสื่อสารกับรถตู้ยังไง 555 จำชื่อทะเลสาบไม่ได้ ก็เลยต้องมช้อธิบายว่าทะเลสาบใหญ่ ๆ ซึ่งคนขับรถก็จะงงนิดว่า อ่าว ไม่ไปลงโรงแรมหรือ
ผมก็ลงใกล้ ๆ กับทะเลสาบที่สุด แล้วก็เดินเที่ยวต่อ สำหรับมิชชั่นที่จะมาทำคือ
- ไปวัด
- กินเฝอ
- กินบาแกต
- ดูหุ่นกระบอก
นึกว่าอยู่แถวศาลเจ้าพ่อเสือบ้านเรา บริเวณนี้เรียกว่าธรร 36 สาย รวบรวม 36 อาชีพของเขา นี่ถ้ามีเวลา อยากไปถ่ายรูปให้ครบทุกอาชีพจริง ๆ ว่ามันมีอะไรกันบ้าง นั้นก็เป็นทำให้ถนนสายนี้ในอดีต ทรงอิทธิพลด้านเศรษฐกิจอย่างมาก ผมเองเคยมาพักที่พักแถว ๆ นี้เหมือนกัน เป็น hostel ราคาถู สภาพก็ เหมือนข้าวสารบ้านเราประมาณนั้น
ทางเดินเท้ากลายเป็นที่จอดมอไซซะหมดเลย เวลาเดินบางถนนต้องลงไปเดินบนถนนแทน ที่นี่นิยม มอไซมาก เวลาข้ามถนนนี้ต้องใช้สกิล สติดี ๆ นะครับ เดินไปอย่าหยุด เดี๋ยวมอไซเขาหลบเอง
แถว ๆ นี้มีคนมานั่งเล่น อ้อยอิ่งพิงกาย พักผ่อนเดินวิ่ง บริเวณรอบทะเลสาบคืนดาบ หรือที่เรียกว่าฮหว่านเกี๊ยม
ดอกไม้ข้างทางก็ดูสวยดี
ร้านตรงนั้นเขานิยมไปนั่งกินอะไรกันแล้วมองดูถนน ตอนกลางคืนก็ดูสวยดีครับตรงนี้
ทริปนี้ผมไปกับพี่สาวที่น่ารักที่ทำงานด้วยกัน เธอ ไม่ได้เป็นช่างถ่ายภาพ และไม่เคยถ่ายภาพ ทำให้ภาพที่ออกมา เอียงไปเอียงมาเป็นเรื่องปกติ 55 บางอันก็ฉากชัดเราเบลอเชียว
ร้านที่บอก อาหารไทยก็มีนะครับ …. ถ้าไปกินจะดีมือให้ ไปบ้านเขาก็ต้องกินอาหารเขาสิ
ขอบคุณที่ถ่ายภาพให้ ภาพนี้ดูหล่อไหมครับ เอาเป็นว่าอยากจะโชว์สะพานด้านหลังที่คนนิยมมาถ่ายภาพกัน และยังใช้เป็นสะพานที่เดินไปยัง วัดหง็อกเซิน
วัดนี้เสียเงินค่าเข้านะครับไม่ฟรี นะครับ ราคา 20,000 ดง ไม่เกิน 30 บาทไทย
มอง ๆ ไปก็เหมือนสวนลุมแหะ เห็นไกล ๆ ไหมครับ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 มีชื่อเรียกว่า “ท้าปสั่ว” เป็นหอคอยเต่า
รถสามล้อที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมใช้บริการกันยังมีอยู่ให้เห็นนะครับ
ที่จอดรถเขาจอดกันแบบนี้เลย ก็ว่าไม่ได้ครับต่างวัฒนธรรม ของเรามอไซยังไปวิ่งบนทางเท้าได้เลย
ที่นี่มี Taxi บริการแต่ก็ตรวจสอบราคาให้ดี ๆ นะครับ แล้วก็อย่าลืมว่ารถเขาพวงมาลัยซ้าย ผมนี่เด๋อมาก เคยไปครั้งนึงแล้ว เรียก taxi แล้วไปเปิดประตูฝั่งคนขับ 555 อายเลย
มิชชั่นที่ 2 ก็บรรลุ ขนมปังราคา 4,000 ดง ก็ราว ๆ 6 บาทไทย
มาที่นี่ต้องมาดู หุ่นกระบอกน้ำ ผมเองเป็นคนชอบหุ่นอะไรพวกนี้อยู่แล้วก็ตั้งใจว่าต้องดูให้ได้ ที่นี่นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมาก ยุโรป มาเวียดนามกันเยอะนะ ต่างจากไทยที่ไม่เห็นชาวต่างชาติยุโรปมาเที่ยว
ราคาชมหุ่นกระบอกก็ แสนนึงครับ ดงนะครับ ก็ 150 บาท คุ้มครับ อยากให้มาดู สิ่งที่อยากจะว่าก็คือ เบาะ มันจะแคบไปไหน นี่ขนาดคนเอเชียยังนั่งแทบไม่ได้ เข่าติด ของเอาวางลำบากดูข้างหน้าสิครับ แขนเกิยกันไปมาแล้ว
ไม่ต้องกลัวไม่เข้าใจเขามีภาษาไทยให้ครับ
เอฟเฟิกไฟควันน้ำนี่มาเต็ม ดูไม่รู้เรื่องก็รู้สึกสนุกครับ แต่แอร์เย็น ๆ และความเหนื่อยกับการเดินทาง ระวังเผลอหลับนะครับ
นี่ ๆมีสาดน้ำด้วย มันดูตื่นเต้นดีนะครับ ก็รู้แหละว่าคนบังคับหลังม่าน แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะบังคับ
เรื่องราวก็เป็น องค์ ๆ ไม่ได้ต่อเนื่องกัน ไม่รู้ว่าเขามีแบบต่อเนื่องกันไหม ถ้ามีก็คงสนุก แต่เนื่องจากเป็นโชว์สั้น ๆ จึงคัดมาเฉพาะเด็ด ๆ
ผมนั่งค่อนข้างไกล ก็พอจะถ่ายได้มาพอให้เพื่อน ๆ รู้ว่าเป็นยังไงนะครับที่เหลือไปดูเองครับสนุกดี ถ้าไปอีกจะไปดูอีก
ดูจบแล้วก็หิว และมิชชั่นสุดท้ายคือกินครับ มานี่ต้องกินเฝอสิครับ มีให้เลือกหลายร้าน ผมไม่รู้ร้านไหนอร่อย เห็นคนเยอะ ๆ ก็ไปกินร้านนั้น
กินเสร็จก็เดินชมเมืองต่อ นี่ขายขนมปังบาแกตกันแบบนี้เลยข้างถนน
นี่ไงตอนกลางคืนที่ผมบอกสวยมะ ก็สวยตามสภาพ ผมว่าความวุ่นวายไม่เป็นระเบียบมันก็มีความงามของมันเองนะ
ผมเดินตามทางเพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับสนามบิน อย่างที่บอกรถเมล์แสนถูก ผมนั่งสาย 17 หมดไป 9,000 ดง แต่ มันจอดทุกป้าย วนอ้อมไปมา ใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงสนามบิน แต่ก็ขึ้นเครื่องทัน มีเวลาเหลือ ๆ นั่งรอเครื่องบินครับ